เพราะความสวยความงามเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้พัฒนาวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เราดูอ่อนเยาว์และสวยงามมากขึ้น โดหัตถการที่ได้รับความนิยมเป็นอันดัยต้น ๆ ก็ คือการฉีด Filler และ Botox นั่นเอง ถึงแม้จะได้ยินถึงสองหัตถการนี้มานานแล้ว แต่หลายคนอาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า Filler ต่างกับ Botox อย่างไร และแบบไหนเหมาะกับตัวเองมากกว่ากัน Dr.Bank Clinic จะพาคุณจะมาไขข้อข้องใจกัน ในบทความนี้กัน
ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ซึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้น รวมทั้งช่วยลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มและรอบตัวตาได้เป็นอย่างดี ปกติแล้ว ในร่างกายของเราจะมีไฮยาลูรอนอยู่แล้ว แต่จะค่อย ๆ หายไปตามอายุที่มากขึ้น จึงทำให้เกิดริ้วรอย ปัจจุบันจึงนิยมนำฟิลเลอร์มาใช้ฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า โดยจะมีผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6 – 24 เดือน
ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ไขปัญหาบนใบหน้าต่าง ๆ ได้ เช่น เติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำตา ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้น ปรับรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้น เสริมคาง เพิ่มความคมชัดให้กับเส้นกรามและขากรรไกร และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาและปากอีกด้วย
ข้อดีของฟิลเลอร์
- เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที
- ปรับแต่งได้ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยสามารถปรับแต่งปริมาณ และตำแหน่งการฉีดได้ ทำให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
- ไม่ต้องพักฟื้นนานหลังทำ หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในช่วงแรกเท่านั้น และจะค่อย ๆ ยุบลง
ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับใครบ้าง
- ผู้ที่มีริ้วรอยลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำตา หรือรอยย่นรอบปาก
- ผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงจมูก โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการเสริมคางหรือปรับรูปทรงใบหน้าให้ชัดเจนขึ้น
- ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยเล็กน้อยและต้องการเพิ่มความกระชับ
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีและเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์ ตำแหน่งไหนได้บ้าง
- คาง ช่วยเสริมให้ดูชัดขึ้น เปลี่ยนรูปหน้าให้ดูเรียวสวยยาวขึ้น แก้ปัญหาคางตัดเป็นเหลี่ยม คางสั้น
- บริเวณใต้ตา ใช้เติมเต็มบริเวณร่องใต้ตา ลดรอยหมองคล้ำดูไม่สดใส แก้ปัญหาถุงใต้ตาในคนที่เป็นไม่มากให้ดูดีขึ้น
- เติมร่องแก้ม ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์ลง
- บริเวณขมับ สำหรับผู้ที่มีปัญหาขมับที่ลึกชั้นไขมันน้อยใหัดูเต็มขึ้น ช่วยให้หางตาและคิ้วยกขึ้น ลดความเด่นของกระดูกโหนกแก้มได้
- แก้มตอบ ช่วยลดความตอบของแก้ม ทำให้รูปหน้าดูอิ่มขึ้น ลดแก้มที่ย้อยและลดความเด่นของกระดูกโหนกแก้มลง
- ริมฝีปาก ช่วยริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มสวย และยังช่วยปรับขอบปากให้ดูคมขึ้นอีกด้วย
- ปรับรูปหน้าและยกผิวหย่อนคล้อย เป็นขั้นตอนการเติมฟิลเลอร์ลงไปบริเวณผิวชั้นลึก เนื้อฟิลเลอร์จะอยู่บนโครงกระดูกใบหน้าและชั้นไขมัน ตามตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยปรับรูปหน้าที่หย่อนคล้อยให้ดูได้รูปสวยขึ้น
- Skin booster สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้หน้าดูใสและดูฉ่ำวาวขึ้น

โบท็อก (Botox) คืออะไร
Botox หรือ โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin A) มีคุณสมบัติในการยับยั้งการทำงานของระบบประสาท (Neurotoxin) ที่ควบคุมการทำงานของมัดกล้ามเนื้อชั่วคราว ช่วยลดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า ปรับรูปหน้าเรียว เห็นกรอบหน้าชัด คนที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อก็สามารถฉีดโบท็อกเพื่อให้กรามเล็กลง หน้าดูเรียวขึ้น
ข้อดีของโบท็อก
- ช่วยลดริ้วรอย
- ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน การฉีด Botox สามารถอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังการฉีด
- ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่สามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ได้
- ใช้รักษาอาการทางการแพทย์ได้ นอกจากการใช้เพื่อความสวยงาม Botox ยังสามารถใช้รักษาอาการทางการแพทย์บางอย่างได้ เช่น อาการปวดศีรษะไมเกรน หรือภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ เป็นต้น
โบท็อกเหมาะสำหรับใครบ้าง
- ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นระหว่างคิ้ว รอยย่นที่หน้าผาก หรือรอยตีนกาข้างดวงตา
- ผู้ที่ต้องการป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าบางส่วน เช่น ยกคิ้ว หรือยกมุมปาก
- ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น บริเวณรักแร้
- ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรน
- ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาเกร็ง
ฉีดโบท็อก ตำแหน่งไหนได้บ้าง
โบท็อก (Botox) สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งมาก โดยแบ่งเป็นกลุ่มหลัก ๆ ตามจุดประสงค์ของการรักษาได้ดังนี้
ริ้วรอยบนใบหน้า (Wrinkle Reduction)
- หน้าผาก ลดรอยย่นตามแนวนอน
- ระหว่างคิ้ว ลดรอยขมวดคิ้วแนวตั้ง
- หางตาหรือตีนกา ลดริ้วรอยรอบดวงตาที่เกิดจากการยิ้มหรือหัวเราะ
- จมูก ลดริ้วรอยแนวขวางบริเวณสันจมูก (Bunny Lines)
- รอบปาก/มุมปาก ลดริ้วรอยเล็ก ๆ เหนือริมฝีปาก หรือช่วยยกมุมปากที่ตก
- คาง ลดรอยบุ๋มหรือรอยย่นบริเวณคาง (Dimpled Chin)
ปรับรูปหน้า (Facial Contouring)
- ลดกราม ฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง (V-Shape)
- ลิฟต์กรอบหน้า ฉีดบริเวณกรอบหน้าและลำคอเพื่อยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
- ลดโหนกแก้ม ในบางกรณีที่โหนกแก้มดูใหญ่จากกล้ามเนื้อ (ไม่ใช่กระดูก) สามารถช่วยลดได้
- ยกคิ้ว ช่วยยกแนวคิ้วให้ดูโค้งสวยขึ้น
ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย (Body Contouring & Treatment)
- ลดเหงื่อและกลิ่นกาย ฉีดบริเวณรักแร้ ฝ่ามือหรือฝ่าเท้า เพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้ไม่มีกลิ่นตัว
- ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง ทำให้ขาดูเรียวขึ้น
- ลดขนาดกล้ามเนื้อบ่า/ไหล่ ช่วยคลายกล้ามเนื้อบ่าที่เกร็งหรือลดขนาดบ่าให้ดูระหงมากขึ้น
- รักษาอาการปวด เช่น อาการปวดไมเกรน ปวดบ่าหรือภาวะกล้ามเนื้อเกร็ง
Filler ต่างกับ Botox อย่างไร
ถึงแม้ทั้ง Fillet และ Botox จะช่วยเรื่องความสวยความงาม ลดริ้วรอย คล้าย ๆ กันอยู่ แต่จริง ๆ แล้ว หัตถการทั้งสองอย่างนี้ ก็มีความแตกต่างกันอยู่ ดังนี้
Filler
- สารสกัดของตัวยา Hyaluronic acid
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยและเติมเต็มผิวหนังและกล้ามเนื้อ
- ช่วยปรับรูปหน้า ยกกระชับใบหน้า รวมถึงแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกบริเวณร่องแก้ม ใต้ตา เป็นต้น
- สามารถฉีดได้บริเวณหน้าผาก ขมับ หน้าแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก คาง และริมฝีปาก
- หลังฉีดเห็นผลทันที และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6 – 24 เดือน
Botox
- สารสกัดของตัวยา Botulinum Toxin A
- หลังฉีดโบท็อกจะช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อเชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง
- ช่วยลดริ้วรอย และยกกระชับใบหน้าให้ดูเรียวเล็กลง
- สามารถฉีดได้บริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ตีนกา กราม ต้นแขน น่อง เป็นต้น
- หลังฉีดจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อย ๆ และจะเห็นผลชัด 7 – 14 วันหลังทำ
- อยู่ได้นาน 4 – 6 เดือน
Filler กับ Botox ควรฉีดอันไหนก่อน?
จริง ๆ Filler กับ Botox สามารถทำพร้อมกันได้ ในหลายกรณีแพทย์สามารถฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์พร้อมกันได้ เพราะทั้งสองมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันและแก้ไขปัญหาคนละส่วนของใบหน้า ลำดับขึ้นอยู่กับแผนการรักษา หากมีการทำหัตถการหลายอย่าง แพทย์จะแนะนำให้ฉีด Filler และฉีดด้วย Botox เพื่อลดโอกาสการเกิดแรงกดทับฟิลเลอร์ในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งก่อนเข้ารับบริการ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ประเมินสภาพผิว ปัญหา และเรียงลำดับการทำหัตถการให้เหมาะสมกับคุณที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
ฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ ราคาเท่าไหร่?
อยากปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยแบบเป็นธรรมชาติ ที่ Dr. Bank Clinic เราใช้ตัวยาแท้ทุก ได้รับรองมาตรฐานจาก USFDA และ ผ่านอย.ไทย พร้อมประเมินโครงหน้าด้วยเทคนิคเฉพาะ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยลงตัว ปลอดภัยและเหมาะกับคุณที่สุด เริ่มต้นเพียง
- โบท็อกซ์ 100 ยูนิต (Allergan หรือ Xeomin) เพียง 15,990 บาท
- ฟิลเลอร์ เริ่มต้น 9,990 บาท
ปรับหน้าให้สวยอย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องตัวยาปลอม ให้เราเป็นผู้ดูแลความสวยของคุณ

สรุปบทความ
Filler ต่างกับ Botox อย่างไร ฉีดแบบไหนดีกว่ากัน จะเห็นได้ว่าหัตถการทั้งสองอย่างนั้น มีจุดประสงค์ในการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันออกไป เช่น Filler จะเหมาะกับผู้ที่มีความกังวลเรื่องริ้วรอยร่องลึก หรือต้องการเติมสมมาตรให้กับโครงหน้า ส่วน Botox จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า ลดริ้วรอย ลดขนาดใบหน้า แขนหรือขา เป็นต้น อย่างไรก็ตามทั้ง Botox และ Filler เป็นหัตถการที่ไม่ได้คงผลลัพธ์แบบถาวร หากต้องการผลลัพธ์ระยะยาวก็จำเป็นต้องทำซ้ำ ทุก ๆ 4 – 6 เดือน และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำทันที
Dr.Bank Clinic คลินิกความงามด้านผิวหนังและเลเซอร์ ดำเนินการด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณความงาม และเวชศาสตร์ชะลอวัย พร้อมประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ให้คุณได้มั่นใจในเครื่องเลเซอร์ที่ได้คุณภาพระดับมาตรฐานสากล พร้อมบริการเลเซอร์ครบวงจร รวมทั้งบริการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ วิตามินผิวและเมโสทรีทเมนต์ ด้วยตัวยาคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองการองค์การอาหารและยาทั้งในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา ยุโรปและเกาหลี เพราะความปลอดภัยของคนไข้สำคัญที่สุด
สนใจบริการจาก Dr.Bank Clinic คลินิคใกล้ MRT รัชดาภิเษก เดินทางง่าย พร้อมบริการด้านความสวย ความงามที่ครบวงจร ติดต่อสอบถาม เพื่อทำนัดเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ Line @dr.bankclinic หรือโทร. 02-693-9967, 091-004-2777 หรือ 095-719-3166
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. ฟิลเลอร์กับโบท็อกแบบไหนดีกว่ากัน?
ในบางกรณี การใช้ทั้ง Filler และ Botox ร่วมกันอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยใช้ Botox เพื่อลดควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย และใช้ Filler เพื่อเติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
2. ฉีดฟิลเลอร์กับโบท็อกพร้อมกันได้ไหม?
โบท็อกกับฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาได้คนละจุดด้วยวิธีการที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นเราสามารถฉีดทั้งสองตัวพร้อมกันได้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ โดยโบท็อกซ์จะช่วยยกกระชับใบหน้าผ่านการบล็อกการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยให้หน้าไม่เหี่ยวย่น และฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มความเอิ่บอิ่มและคืนความอ่อนวัยให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
3. ต้องเว้นระยะห่างระหว่างการฉีดไหม?
หากฉีดพร้อมกันในวันเดียวกัน ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเว้นระยะ แต่แพทย์จะประเมินโครงหน้าและปริมาณที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด




