คือ เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นกว่าเกล็ดเลือดในกระแสโลหิตทั่วไป 3 – 4 เท่า โดยเป็นเกล็ดเลือดเข้มข้นที่เหมาะสมในการใช้ในการรักษา
เป็นเทคนิคใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยนำเอาเลือดของคนไข้จำนวนเล็กน้อย มาผ่านขบวนการ เพื่อคัดแยกเกล็ดเลือดที่สมบูรณ์ที่สุด แล้วนำกลับมาฉีดที่ใบหน้าของคนไข้
PRP ต้องทำโดยกรรมวิธีนำเลือดมาผ่านขบวนการคัดแยกเกล็ดเลือดที่มีถึง 3 ส่วน คือ เกล็ดเลือดที่ไม่เข้มข้น , เซลล์เม็ดเลือดขาว + เกล็ดเลือดเข้มข้น(PRP) และเซลล์เม็ดเลือดแดง เพื่อให้ได้มาซึ่งเกร็ดเลือดมีสารที่เรียกว่า Growth Factor เป็นสารที่กระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast สร้าง Collagen ได้ดีและเร็วขึ้น เพื่อใบหน้าและผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลายให้ตึงกระชับ เรียบเนียน
Platelet-derived growth factor (PDGF)
Transforming growth-factor-beta TGF-b)
Vascular endothelial growth factor (VEGF)
Epidermal growth factor (EGF)
Fibroblast growth factor-2 (FGF-2)
Insulin-like growth factor (IGF)
1.ลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มผิวที่เป็นร่องลึก
2.ลดจุดด่างดำบนใบหน้า ปรับสภาพผิวหน้าให้ ดูเงา ขาวอมชมพู
3.ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ แก้ปัญหาหลุมสิว รูขุมขน และแผลเป็นต่างๆ
4.ช่วยให้ผิวตึงกระชับ เรียบ เนียนและอ่อนนุ่ม
5.มีความปลอดภัยสูง
1.พักผ่อนให้เพียงพอก่อนรับการรักษา
2.ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดมีความเข้มข้นและหนืดจนเกินไป
3.งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 วัน
4.งดการใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่เสตอรอยด์ (Non-Steroid Anti-Inflammatory Medications) 1 อาทิตย์ก่อนและระหว่างการรักษา
1. เจาะเลือดจากข้อพับแขน ในปริมาณccที่คนไข้จะต้องใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่จะรักษา
2. นำเลือดไปปั่นในเครื่องปั่นแยกชั้นของเลือด
3. เมื่อสกัดจนได้เกล็ดเลือดที่เข้มข้นและสมบูรณ์ที่สุดแล้ว แพทย์นำออกมาเตรียมฉีด
4. ฉีด PRP เข้าสู่ส่วนต่างๆในบริเวณที่ต้องการ เช่น ใบหน้า
– เป็นเรื่องที่ปกติ ที่อาจจะรู้สึกเจ็บบ้างในขณะที่ฉีด PRP
1.สามารถประคบเย็นหรือสามารถทานยาแก้ปวดได้ แต่ต้องเป็นยาประเภท NSAIDs
2.หลีกเหลี่ยงการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening อื่นๆ
3.หลีกเลี่ยงการล้างหน้าภายใน 4-5 ชั่วโมงแรกของการรักษา
4.หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้าหรือถูกความร้อน อบไอน้ำ ซาวน่าหรือแสงแดด
5.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และออกกำลังกายอย่างหนัก
6.ทาครีมบำรุงผิวหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ได้ตามปกติ
1.ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง, ติดเชื้อ, โรคผิวหนังบางประเภท
2.โรคการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
3.คนไข้ที่กินยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด
4.โลหิตจาง
5.ตั้งครรภ์
6.หากมีประวัติแพ้ยาชา ควรแจ้งแพทย์ก่อนการรักษา
ปรึกษาฟรีกับคุณหมอแบงค์
Let's meet at
Dr.Bank Clinic
MRT รัชดาภิเษก (ทางออก 1)
© Copyright 2024 DR.BANK CLINIC. All Rights Reserved.