ปัญหาฝ้าบนใบหน้าเป็นความกังวลของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องการมีผิวหน้าที่กระจ่างใสและสม่ำเสมอ แล้วฝ้าเกิดจากอะไร สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่? วันนี้ Dr. Bank จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับฝ้า ตั้งแต่สาเหตุของการเกิดฝ้า ประเภทของฝ้า บริเวณที่พบฝ้าได้บ่อย วิธีการรักษาไปจนถึงวิธีในการป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถดูแลและจัดการกับปัญหาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฝ้า คืออะไร
ฝ้า (Melasma) เป็นภาวะที่เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำงานมากเกินไป ทำให้มีการสร้างและสะสมเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นปื้นสีเข้มบนผิวหนัง ฝ้ามีลักษณะเป็นปื้นที่มีสีเข้มกว่าผิวปกติ โดยมีเฉดสีตั้งแต่น้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้มหรือดำ พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะในสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือสตรีที่รับการรักษาด้วยฮอร์โมน แต่ก็สามารถพบได้ในผู้ชายเช่นกัน
ฝ้ามีกี่ชนิด
ฝ้าสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะและสาเหตุของการเกิด ดังนี้
- ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma) เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังกำพร้าหรือผิวหนังชั้นนอก มีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเทาดำ
- ฝ้าลึก (Dermal Melasma) เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังแท้ที่อยู่ใต้หนังกำพร้า มีสีน้ำตาลอ่อน สีเทาหรือสีน้ำตาลอมฟ้า มีขอบเขตไม่ชัดเจน กลืนไปกับผิวหน้าเป็นบริเวณกว้าง ฝ้าประเภทนี้รักษายากกว่าฝ้าตื้น
- ฝ้าผสม (Mixed Melasma) เป็นการผสมระหว่างฝ้าตื้นและฝ้าลึก มีลักษณะเป็นสีเข้มแต่ขอบจาง พบได้มากที่สุดในผู้ที่มีปัญหาฝ้า ต้องใช้วิธีการรักษาหลายแบบร่วมกัน
- ฝ้าเลือด (Vascular Melasma) เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนผิวหน้า มักเป็นผลมาจากการใช้เครื่องสำอางหรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกและมีเลือดกระจุกบริเวณพังผืดใต้ผิวหนังชั้นลึก ฝ้าชนิดนี้มีสีน้ำตาลแดง รักษายาก พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- ฝ้าแดด (Solar Melasma) เกิดจากการสัมผัสแสงแดดโดยตรงและเป็นเวลานาน แสงแดดมีรังสี UVA และ UVB ที่ทำร้ายผิวและกระตุ้นการสร้างเม็ดสี โดยเฉพาะรังสี UVA ที่มีความยาวคลื่นมากกว่าจึงส่งผลถึงชั้นผิวที่ลึกกว่า ทำให้เกิดหน้าเป็นฝ้าแดด
ฝ้าเกิดจากสาเหตุอะไร
หากสงสัยว่าฝ้าเกิดจากอะไร หน้าเป็นฝ้าเกิดจากอะไร วันนี้ Dr. Bank ได้รวบรวมสาเหตุของการเกิดฝ้ามาแล้ว ดังนี้
1. รังสี UV
แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าบนใบหน้า โดยเฉพาะหน้าเป็นฝ้าแดดที่มีสาเหตุโดยตรงจากรังสี UV แสงแดดมีทั้งรังสี UVA และ UVB ในปริมาณมาก ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับเป็นจำนวนมากจะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระและการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป
2. ฮอร์โมน
ฝ้าฮอร์โมนเกิดจากความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกาย ซึ่งสามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดสีให้มากเกินปกติ ซึ่งสภาวะที่อาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าฮอร์โมน ได้แก่ ตั้งครรภ์ ทานยาคุมกำเนิดหรือการรักษาภาวะวัยทองด้วยการใช้ฮอร์โมนทดแทน
3. เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวบางชนิด
การใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตรายก็ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะครีมหน้าขาวที่โฆษณาว่าให้ผลเร็วและเห็นผลไว มักมีส่วนผสมของสารปรอทหรือสารเคมีอันตรายอื่น ๆ ทำให้เม็ดสีทำงานผิดปกติจนสะสมกลายเป็นฝ้า
4. ความเครียด
ความเครียดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้หน้าเป็นฝ้า เมื่อร่างกายเกิดความเครียดจะมีการหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ซึ่งส่งผลต่อการทำงานโดยรวมของร่างกาย รวมถึงกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังด้วยโดยจะไปกระตุ้นให้มีการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น และเมื่อมีการสะสมของเม็ดสีมากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดปัญหาฝ้าได้ นอกจากนี้ ความเครียดยังอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ภูมิคุ้มกันลดลงและการฟื้นฟูของเซลล์ผิวช้าลง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้ามีปัญหาได้ง่ายขึ้น
5. การพักผ่อนไม่เพียงพอ
เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ กระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวจะไม่สมบูรณ์ ทำให้ผิวอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ รวมถึงฝ้าได้ นอกจากนี้ การอดนอนยังทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนความเครียดมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีและอาจนำไปสู่การเกิดฝ้าได้ ควรนอนหลับอย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
ฝ้าพบได้บ่อยบริเวณไหนบ้าง
- โหนกแก้มทั้งสองข้าง เป็นบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรงบ่อยที่สุด จึงมักพบฝ้าได้ชัดเจนที่สุด
- หน้าผาก โดยเฉพาะบริเวณใกล้กับแนวผม ซึ่งมักเผชิญกับแสงแดดโดยตรง
- จมูก – พบได้ทั้งบริเวณสันจมูกและบริเวณรอบๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ยื่นออกมาและสัมผัสแสงแดดได้มาก
- รอบขอบปาก โดยเฉพาะบริเวณเหนือริมฝีปากบน มักเกิดขึ้นเป็นคู่ทั้งสองข้างของริมฝีปาก
- คาง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นแนวขากรรไกร ซึ่งได้รับแสงแดดโดยตรงเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- ลำตัว นอกจากใบหน้าแล้ว ฝ้ายังสามารถเกิดขึ้นได้ที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สัมผัสกับแสงแดด เช่น แขน หลังและคอ
วิธีการรักษาฝ้าให้หาย มีวิธีไหนบ้าง
การรักษาฝ้าสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของฝ้า โดยสามารถรักษาฝ้าด้วยวิธีต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- ยาทารักษาฝ้า ยาทารักษาฝ้ามีหลายประเภทที่มีคุณสมบัติลดการสร้างเม็ดสี และเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acid), อาร์บูติน (Arbutin), หรือกรดโคจิก (Kojic) ซึ่งช่วยลดเลือนจุดด่างดำและกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
- เลเซอร์รักษาฝ้า วิธีการรักษาที่ใช้พลังงานจากแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ ส่งไปยังเซลล์เป้าหมายที่มีปัญหาฝ้า เครื่องเลเซอร์ที่นิยมใช้รักษาฝ้า ได้แก่ Q-Switch Laser และ Picosecond Laser ก็จะช่วยทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อนและกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน
- การขัดผิวหนัง (Chemical Peeling) ใช้สารเคมีขัดผิวเพื่อกำจัดเม็ดสีในชั้นผิว ให้ผิวกลับมาสม่ำเสมอกัน
- การใช้ครีมบำรุงในการรักษาฝ้า ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารไวเทนนิ่ง วิตามินซีหรืออาร์บูติน ช่วยลดเลือนรอยฝ้าให้จางลงและยับยั้งการผลิตเม็ดสีที่มากเกินไป
- การใช้สมุนไพรธรรมชาติ มีการใช้สมุนไพรบางชนิดในการลดเลือนฝ้า เช่น การมาสก์หน้าด้วยหัวไชเท้าซึ่งมีสารไกลโคไซด์และวิตามินที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวคล้ำ หรือการใช้ใบบัวบกซึ่งช่วยในการไหลเวียนเลือดและฟื้นฟูผิว
ฝ้าต่างจากกระอย่างไร?
ฝ้าจะมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลหรือเทาขนาดใหญ่ มีขอบไม่ชัดเจน กระจายเป็นบริเวณกว้าง เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากเกินไป สาเหตุหลักมาจากรังสี UV ฮอร์โมน และปัจจัยอื่น ๆ ฝ้าสามารถพบได้ในทุกวัย แต่มักพบมากในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ในขณะที่ กระจะมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก มีขอบชัดเจน กระจายเป็นจุด ๆ ไม่ติดกัน เกิดจากการสัมผัสแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน มักพบในผู้ที่มีผิวขาวหรือผู้ที่มีกรรมพันธุ์เป็นกระและพบได้บ่อยตั้งแต่วัยเด็ก
ฝ้าสามารถหายเองได้หรือไม่?
ฝ้าไม่สามารถหายเองได้ แต่สามารถจางลงได้ ในบางกรณี เช่น ฝ้าที่เกิดจากการตั้งครรภ์ อาจจางลงหลังคลอดเมื่อระดับฮอร์โมนกลับสู่ภาวะปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายสนิททุกราย ต้องอาศัยการหลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำและใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมเป็นประจำ
สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้ไหม?
ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% แต่สามารถลดเลือนและควบคุมได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม และหากใครต้องการกำลังประสบปัญหาหน้าเป็นฝ้าที่ Dr. Bank Clinic เรามีเทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้า กระ Discovery PICO ช่วยลดเลือนฝ้าให้จางลง โดยการใช้เลเซอร์ช่วยในการทำลายเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิว ให้ฝ้าดูจางลงและผิวดูสม่ำเสมอยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสอีกด้วย
วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า
การป้องกันฝ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเนื่องจากฝ้าเป็นปัญหาผิวที่รักษาให้หายขาดได้ยาก การป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าหรือไม่ให้ฝ้าที่มีอยู่แล้วกำเริบ สามารถทำได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรง ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือโดนแดดจัดจริง ๆ ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด
- ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว หลีกเลี่ยงการขัดถูแรง ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีมากเกินไปได้
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีคุณภาพ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือมีส่วนผสมของสารอันตราย โดยเฉพาะครีมที่โฆษณาว่าให้ผลเร็วเกินจริง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ดูกระจ่างใส
- จัดการความเครียด หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ การทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน ก็จะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดการสร้างฮอร์โมนความเครียดและช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักและผลไม้สด ปลา ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและขับสารพิษออกจากร่างกาย
สรุปบทความ
ฝ้าเกิดจากอะไร? ฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า คือรังสี UV จากแสงแดด ฮอร์โมน การใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่มีสารอันตราย ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยมักพบในบริเวณที่สัมผัสแสงแดดบ่อย เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก จมูก รอบขอบปากและคาง ทั้งนี้ การรักษาฝ้าทำได้หลายวิธี ทั้งการใช้ยาทาภายนอก การใช้เลเซอร์ การขัดเซลล์ผิวหนัง การฝังเข็มและการใช้ครีมบำรุง แต่ต้องยอมรับว่าฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% เนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรมและแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นซ้ำหากได้รับปัจจัยกระตุ้น อย่างไรก็ตาม การรักษาที่เหมาะสมและต่อเนื่องสามารถช่วยลดเลือนฝ้าและควบคุมไม่ให้เกิดฝ้าได้
ที่ Dr. Bank Clinic เรามุ่งมั่นในการให้บริการรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีและวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น เลเซอร์และการดูแลผิวแบบครบวงจร เพื่อช่วยลดเลือนฝ้าและควบคุมไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ ด้วยการดูแลอย่างต่อเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและผิวสวยใสอย่างมั่นใจ